วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560


ปลาทอง

                                 Gold Fish
      
              วันนี้เราจะมาทำความรู้จักปลาทองกันนะครับ ปลาทองเป็นปลาชนิดแรกๆที่ผู้เริ่มต้นเลี้ยงปลา คิดจะเลี้ยง และเป็นปลาที่ผู้เขียนชื่นชอบอย่างมากชนิดหนึ่ง ด้วยความหน้ารัก ความขี้อ้อนของมัน ทำให้หลายๆคนลืมความน่ารักของเจ้าปลาทองไม่ลงเลยทีเดียว
         

             ข้อมูล


              ปลาทอง ( Carassius auratus) มีถืนกำเนิดในประเทศจีน และญี่ปุ่น เป็นปลาสวยงามที่กินทั้งพืชและสัตว์  เป็นสมาชิกในตระกูลปลาตะเพียน บรรพบุรุษของปลาทองเป็นปลาป่า อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ มีรูปร่างเพรียวยาว เกล็ดใหญ่ สีน้ำตาล หรือเขียวอมน้ำตาล ปลาทองมัมีอายุขัยเฉลี่ย 5 - 12 ปี ปลาทองมีด้วยกันสายพันธ์ใหญ่ๆ 15 สายพันธุ์ด้วยกัน

ปลาฟุนะ

       สายพันธุ์ของปลาทอง

1. ปลาทองธรรมดา เ่ป็นสายพันธุ์แรกๆที่พัฒนาจากปลาทองป่า เลี้ยงง่าย โตวัย ทนทานต่อโรค ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
ปลาทองธรรมดา

2. ปลาทองโคเมท มีรูปร่างคล้ายปลาคาร์ฟ มีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีลักษณะหางแคบ ปลายแหลมชี้ ลำตัวเพรียวยาว เลี้ยงง่าย โตวัย
ปลาทองโคเมท

3. ปลาทองวากิ้น เป็นสายพันธุ์ที่มีลักษณะใกล้เคียงปลาทองธรรมดา แตกต่างที่หาง ปลาทองวากิ้นจะเป็นหางคู่ ปลาทองชนิดนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตไว ปรับตัวในสภาพแวดล้อมได้ดี มีรูปร่างสวยงาม
ปลาทองวากิ้น

4. ปลาทองจิกิ้น หรือยิกิ้น มีถิ่นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น ลำตัวรี หางสั้นและตั้งงดงาม ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์ปลาทองวากิ้น หางล่วนหลังปลาจิกิ้นมองจากมุมบนจะคล้ายปีกผีเสื้อ เป็นปลาทองที่ไม่นิยมเลี้ยงเพราะมีราคาสูง ต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น และสามารถหาซื้อได้เฉพาะบางร้านเท่านั้น

ปลาทองจิกิ้น

5. ปลาทองฮอรันดา เป็นปลาทองที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีวุ้นหนาที่ช่วงหัว มีครีบหลังและลำตัวยาว นิยมเรียกติดปากว่า ปลาทองหัววุ้น
ปลาทองฮอลันดา

6. ปลาทองริวกิ้น เป็นปลาทองที่มัลักษณะเล็ก เรียว หลังสูงเป็นโหนกขึ้นมา ครีปหลังตั้ง ท้องกลม ลำตัวสั้น เป็นปลาที่ได้รับความนิยมสูงมาจนถึงปัจจุบัน

ปลาทองริวกิ้น

7. ปลาทองโตซากิ้น เป็นปลาทองลูกผสมระหว่างปลาทองหัวสิงห์กับปลาทองริวกิ้น มีสมญานามว่า " ราชินีแห่งปลาทอง " เพราะมีส่วนหางที่พริ้วไหวสวยงามประดุจสตรีนุ่งกระโปรง ปลาชนิดนี้ต้องมองความสวยงามจากมุมบนเท่านั้น มีวิธีการดูแลค่อนข้างยุ่งยาก จึงนิยมเลี้ยงเฉพาะกลุ่ม

ปลาทองโตซากิ้น

8. ปลาทองทามะซาบะ เป็นปลาทองที่มีลักษณะคล้ายปลาทองริวกิ้นแต่มีลักษณะโคนหางยาว ทำให้ปลาทองชนิดนี้มีการว่ายน้ำที่รวดเร็ว ปราดเปรียว ปลาทองชนิดนี้จะโตเต็มที่ราว 20 ซม. และเมื่อโตเต็มที่จะมีราคาสูงมาก

ปลาทองทามะซาบะ

9. ปลาทองปอมปอน เป็นปลาทองที่มีลักษณะคล้ายปลาทองฮอลันดา มีลักษณะพิเศษคือมีก้อนเนื้อตรงบริเวณจมูก ปลาชนิดนี้มักไม่ค่อยเห็นในตลาดปลาสวยงามไทย

ปลาทองปอมปอน

10. ปลาทองเกล็ดแก้ว ปลาชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ ลำตัวกลมป่องคล้ายลูกปิงปอง มีเกล็ดเป็นตุ่มๆ หางคอด ปลาทองเกล็ดแก้วสามารถแบ่งเป็นสามชนิดคือ เกล็ดแก้วหน้าหนู เกล็ดแก้วหัววุ้น และเกล็ดแก้วหัวมงกุฏ

ปลาทองเกล็ดแก้ว

11. ปลาทองตาโปน ปลาทองชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือ ดวงตาปูดโปนออกจากเบ้าตา ในไทยนิยมเรียกว่า ปลารักเร่  ปลาชนิดนี้ควรเลี้ยงด็วยความระมัดระวัง เพราะมีลักษณะที่บอบบาง

ปลาทองตาโปนสีดำหรือ รักเร่

ปลาทองตาโปน

12. ปลาทองตากลับ มีลักษณะคล้ายปลาทองตาโปน แต่ดวงตาจะหงายขึ้นด้านบน สันนิฐานว่า เกิดจากการเลี้ยงปลาทองชนิดนี้ในไหแคบๆที่มืดสนิดและมีแสงสว่างด้านบน เป็นปลาทองที่บอบบางและควรได้รับการเลี้ยงดูเป้นพิเศษ

ปลาทองตากลับ

13. ปลาทองตาลูกโป่ง ปลาทองชนิดนี้จะมีถุงน้ำคล้ายลูกโป่งใต้ดวงตาสองข้าง หัวไม่มีวุ้น หางยาว ลำตัวยาว การเลี้ยงดูต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากลูกโป่งใต้ตามีโอกาสฉีกขาดได้ง่าย ในสิ่งแวดล้อมที่เลี้ยงควรปราศจากของตกแต่งมีคม

ปลาทองตาลูกโป่ง

14. ปลาทองหัวสิงห์ เป็นปลาทองที่มีลักษณะพิเศษคือ มีวุ้นหนาที่หัว ไม่มีครีบกระโดง ลำตัวกลมป้อม ปัจจุบันมีผู้นิยมเลี้ยงแพร่หลาย และมีราคาสูง จัดเป็นราชาแห่งปลาทองเลยก็ว่าได้

ปลาทองหัวสิงห์ หรือรันชู

15. ปลาทองแปลกๆ เกิดจากการนำปลาทอง 14 ชนิดที่กล่าวมาด้านบนมาผสมข้ามสายพันธุ์กัน จนทำให้เกิดปลาทองแปลกๆหลากหลายชนิด

ปลาทองสิงห์ตาลูกโป่ง

ปลาทองเกล็ดแก้วตาโปน

ปลาทองตันโจ

ปลาทองสิงห์กระโดง

           
          วันนี้เราก็รู้จักเรื่องราวของปลาทองกันพอสมควรแล้ว หวังว่าข้อมูลเหล่านี้พอจะมีประโยชน์ให้มือใหม่หัดเลี้ยงปลา หรือผู้ที่มีความสนใจในปลาทอง ตอนต่อไปเราอาจจะเขียนเรื่องราวของปลาทองแต่ละสายพันธุ์ให้ละเอียดลึกวึ้งกว่านี้ อย่างไรก็ฝากติดตามเราด้วยนะครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าของบล็อกต่อไป

วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การกำจัดของเสียในตู้ปลาสวยงาม





      ในสิ่งมีชิวิตทุกชนิด เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปย่อมจะต้องมีการขับถ่าย ปลาสวยงามก็เช่นเดียวกัน
                     
                       วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีกำจัดของเสียในตู้ปลา ซึ่งการกำจัดของเสียในตู้ปลานั้น หากทำได้ถูกต้องย่อมจะส่งผลดีต่อสุขภาพของปลาที่เราเลี้ยง เพราะของเสียที่กำจัดออกไม่หมด หรือกำจัดไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคภายในตู้ปลา เป็นสาเหตุให้เกิดโรคในปลาสวยงามและทำให้ปลาตายในที่สุด

ตู้ปลาที่เต็มไปด้วยของเสียในน้ำ

วิธีกำจัดของเสียในตู้ปลาสวยงามมีดังนี้

                1. ตักเศษอาหารที่ปลากินไม่หมดออก หากปลาของเรากินอาหารไม่หมด อาหารที่ยังเหลืออยู่ภายในตู้ปลาย่อมจะทำให้น้ำในตู้ปลาขุ่นและเสียเร็วกว่ากำหนด การตักเศษอาหารออกจึงเป็นวิธีลดการเน่าเสียของน้ำในตู้ได้ดีมาก มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อุปกรณ์ที่ใช้ก็จะเป็นแบบง่ายๆ เช่น สวิงขนาดเล็ก กระชอน เป็นต้น
กระชอน

สวิง
                    2. ระบบกรองน้ำ การสร้างระบบกรองน้ำในตู้ปลาจะช่วยยืดระยะเวลาให้น้ำในตู้ปลาเน่าเสียช้าลง ส่วนประกอบของระบบกรองน้ำในตู้ปลา มีดังนี้
         - แผ่นใยแก้ว ใช้ในการกรองตะกอนสิ่งสกปรกภายในตู้ปลา เนื่องจากแผ่นใยมีความถี่มาก สามารถกรองตะกอนและเศษอาหารได้ดีเยี่ยม ควรเปลี่ยนแผ่นกรองทำความสะอาด ทุกๆสัปดาห์

แผ่นใยแก้ว

        - ผงถ่าน หรือผงคาร์บอน ใช้ในการดูดซับสารพิษและโลหะหนักในตู้ปลา ควรเปลี่ยนผงถ่านหรือผงคาร์บอน อย่างน้อยเดือนละครั้ง

ผงถ่าน หรือผงคาร์บอน

        - เศษปะการัง และ หินพรุนหรือหินภูเขาไฟ หินชนิดนี้มีลักษณะพรุนคล้ายฟองน้ำ มีหน้าที่ดูดจับจุลินทรีย์ที่ผ่านเข้ามาจากระบบน้ำในตู้ปลา เพื่อลดการเพิ่มของแอมโมเนียและเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำ

เศษปะการัง

หินภูเขาไฟ

        - ปั้มน้ำ เป็นตัวช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในระบบน้ำในตู้ปลา ปั้มน้ำจะดูดน้ำในตู้ปลาเผื่อเข้ามาผ่านระบบกรอง และนำน้ำที่ผ่านระบบกรองกลับเข้าคืนตู้ปลาดังเดิมร

ปั้มกรองน้ำ

        


    การจัดระบบกรองน้ำจะใช้อุปกร์ข้างต้นคล้ายๆกัน แต่รูปแบบการจัดวางกรองจะขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้เลี้ยง ความเหมาะสมของบริเวณที่ตั้งถังกรอง







 การจัดระบบกรองรูปแบบต่างๆ



                   3. การเปลี่ยนถ่ายน้ำ  เป็นวิธีการที่ทำให้น้ำในตู้ปลาสะอาดที่สุด แต่การเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ปลามีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง น้ำที่ใช้เปลี่ยนน้ำในตู้ปลาควรเป็นน้ำบาดาล หรือน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ไม่ใช่น้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำเหล่านี้มีความใกล้เคียงสภาพความเป็นอยู่ของปลาในระบบนิเวศ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในตู้ปลาน้อยที่สุด หากหาน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ได้ จะใช้น้ำประปาแทนก็ได้ แต่จะต้องมีการพักน้ำในถังอย่างน้อย 1 คืน เพื่อให้สารคลอรีนในน้ำประปาเจือจางลง 
 การเปลี่ยนถ่ายน้ำตู้ปลาแต่ละครั้งควรเปลี่ยนน้ำเพียง 70 - 80 % และควรรินน้ำเข้าตู้ปลาอย่างช้าๆ จนถึงปริมาณพอเหมาะ เพื่อป้องกันอาการปลาปรับตัวกับน้ำไม่ทัน หรือ น็อคน้ำ ซึ่งอาจทำให้ปลาสุดรักของเราตายได้  

                                                    
                                                       อุปกรณ์ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำตู้ปลา

*หากท่านคิดที่จะเลี้ยงปลาสวยงามแล้ว การกำจัดของเสียในระบบนิเวศตู้ปลาเป็นสิ่งที่ท่านจะต้องหมั่นทำเพื่อให้เกิดความสะอาดกับตู้ปลา เพื่อให้ปลามีสุขภาพที่แข็งแรง



วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

แหล่งจำหน่ายพันธุ์ปลาสวยงาม จตุจักร

แหล่งจำหน่ายพันธุ์ปลาสวยงาม

ทั้งปลีกและส่ง

       สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำแหล่งซื้อ-ขายพันธุ์ปลาสวยงามในกรุงเทพ ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมสายพันธ์ุปลาสวยงามชนิดต่างๆให้ทุกท่านได้ซื้อหามาชื่นชมกัน มีหลากหลายชนิดให้เลือก รวมทั้งราคามีทั้งระดับเลี้ยงเล่นๆเพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา จนถึงระดับใช้เป็นพ่อพันธุ์สำหรับทำปลาสวยงามส่งประกวด สถานที่ที่ผมจะแนะนำคือที่นี่ครับ ตลาดปลาสวยงามสวนจตุจักร


แผนที่แสดงที่ตั้งของโซนขายสินค้าชนิดต่างๆ


            
               ตลาดตั้งอยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์เด็ก ใกล้สวนจตุจักร มีร้านขายปลาสวยงามมากมาย มีทั้งชนิดขายปลีกและส่ง รวมทั้งอาหารและอุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา เปิดขายวันอังคาร-วันอาทิตย์ เปิดขายเวลา09-18 น.

มีปลาหลากหลายชนิด

ปลากัดตัวละ 10 บาท

อาหารปลาและอุปกรณ์อื่นๆก็มี

พันธุ์ไม้น้ำก็มีขาย

มืดขนาดนี้ก็ยังมีคน

เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว


หินสำหรับตกแต่งตู้ปลา
                 ยังมีแหล่งอื่นๆ สำหรับหาซื้อพันธุ์ปลาสวยงามและอุปกรณ์ตกแต่งอีกมากมาย วันหลังผมจะหาโอกาสไปเยี่ยมชมที่อื่นๆแล้วจะมาแนะนำครับ 

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ความเป็นมาของการเลี้ยงปลาสวยงามในประเทศไทย

ความเป็นมาของการเลี้ยงปลาสวยงามในประเทศไทย

            ปลาสวยงาม เป็นปลาที่เลี้ยงเพื่อให้ความบันเทิงใจ มิใช่เลี้ยงเพื่อนำมาประกอบอาหาร
การเลี้ยงปลาสวยงานนั้นมีมาแต่สมัยโบราณ ในประเทศไทยคาดว่า การเลี้ยงปลาทองเริ่มขึ้นในสมัยสมเด็จพระเพทราชา แห่งกรุงศรีอยุทธยา ประมาณปี พ.ศ. 2234 - 2235 


                  ในปัจจุบันปลาสวยงามนิยมเลี้ยงกันแพร่หลาย มีอยูหลากหลายชนิดด้วยกัน ทั้งปลาพันธุ์พื้นเมิอง และพันธุ์ต่างประเทศ เช่น ปลาคาร์ฟ ปลาออสการ์ ปลาเทวดา ปลาทอง ปลาหางนกยูง 
ปลาปอมปาดัว ปลานีออน ปลาหมอสี ฯลฯ  

   ปลาคาร์ฟ
 ปลาปอมปาดัว
 ปลาทอง
 ปลานีออน
 ปลาหางนกยูง 
 ปลาหมอสี
ปลาเทวดา
ปลาออสการ์




                  ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ปลาสวยงาม ให้มีความสวยงามมากขึ้นจากอดีต โดยการดึงเอาจุดเด่นของปลาแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ออกมา ทำให้เกิดพันธุ์ปลาชนิดใหม่ๆ ทำให้เกิดความน่าสนใจแก่ผู้เลี้ยงปลาสวยงาม สร้างรายได้ให้แก่ผู้ผลิตพันธุ์ปลาสวยงาม และธุรกิจที่เกี่ยวของตามมาอีกมากมาย
© คนเลี้ยงปลา | Blogger Template by Enny Law